นางสาวทิพย์วิมล พึ่งบุญ เลขที่20
นางสาววรรณดี ล่องแดง เลขที่ 22
นางสาวอภิชญา จันทระ เลขที่ 23
นางสาวเจนจิรา คังฆะสุวรรณ เลขที่ 25
นางสาวรัชชนก คำทอง เลขที่ 35
อาจารย์ที่ปรึกษาโครงงาน
อาจารย์การุณย์ สุวรรณรักษา
ตำแหน่ง ครูประจำวิชากลุ่มสาระสังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม
โรงเรียนวรนารีเฉลิม จังหวัดสงขลา
ชื่อโครงงาน : สงขลาแต่แรก (Befor Songhlak)
หลักการและเหตุผล : เนื่องจากปัจจุบันประชาชนที่มีถิ่นที่อยู่อาศัยในจังหวัดสงขลาส่วนใหญ่ไม่รู้ถึงประวัติความเป็นมาของถิ่นกำเนิดของบรรพบุรุษของตนทางคณะผู้จัดทำจึงรวบรวมและเผยแผ่ประวัติความเป็นมาของตำบลบ่อยางให้ประชาชนได้รู้และเข้าใจมากยิ่งขึ้นแล้วยังสามารถนำไปบอกเล่าให้ลูกหลานได้ในอนาคต
วัตถุประสงค์ของโครงงาน :
1.เพื่อเผยแผ่ประวัติความเป็นมาของตำบลบ่อยาง
2.เพื่อให้ได้ความรู้ที่สามารถพิสูจน์ได้จริง
3.เพื่อให้รู้ที่มาของบรรพบุรุษ
ขั้นตอนและวิธีการจัดทำ
1. นักเรียนแต่ละกลุ่มเขียนโครงร่างของโครงงาน
2. เสนอโครงร่างให้ครูผู้สอนอนุมัติ
5.แต่ละกลุ่มนำเสนอและแสดงโครงงานข้อมูลเก็บไว้ในBlogหรือรายงาน
ผลการศึกษา
วัดยางทอง ตั้งอยู่บ้านเลขที่ ๑ ถนนนางงาม ในเขตเทศบาลนครสงขลา ปัจจุบันมีเนื้อที่ประมาณ ๔ ไร่ โดยมีอาณาเขตดังนี้
- ทิศเหนือ ติดถนนสงขลาบุรี ซึ่งมีสถานีดับเพลิงของเทศบาลอยู่ฝั่งตรงข้าม
- ทิศใต้ ติดด้านหลังบ้านเรือนของชาวบ้านริมถนนยะหริ่ง
- ทิศตะวันออก ติดถนนนางงาม
- ทิศตะวันตก ติดด้านหลังบ้านเรือนของชาวบ้านริมถนนนครใน
วัดยางทอง เป็นที่ตั้งของ บ่อยาง ซึ่งเป็นชื่อท้องถิ่นของที่ตั้งเมืองสงขลา ส่วนจะสร้างขึ้นเมื่อไหร่นั้นไม่ปรากฎหลักฐาน สืบได้แต่เพียงเค้าเงื่อนจากพงศาวดารเมืองสงขลาว่า ในราชการที่ ๑ แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ ไทยยังคงรบกับพม่า เมื่อเกิดสงครามเก้าทัพ พม่าได้บุกมาทางถลางหรือภูเก็ต กองทัพเมืองสงขลาจึงได้ยกไปช่วย หลังจากเสร็จศึกเก้าทัพแล้วเจ้าเมืองสงขลาก็ได้สร้างอุโบสถวัดยางทอง (ทำนองสร้างบุญล้างบาป) จึงคาดหมายว่าวัดยางทองน่าจะมีอยู่ก่อนกรุงรัตนโกสินทร์ หรือคงจะมีมาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา…
“ครั้น ณ ปีเถาะสัปตศก ศักราช ๑๑๕๗ (พ.ศ.๒๓๓๘) อ้ายพม่าข้าศึกยกกองทัพเรือมาตีเมืองถลางแตก ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้เจ้าพระยาพลเทพ (บุนนาก) กับพระยาวิเศษโกษาเปนแม่ทัพ โปรดเกล้าฯ ให้นายเถี้ยนจ๋งมหาดเล็กบุตรพระอนันตสมบัติเปนหลวงนายฤทธิ์ ออกมาในกองทัพเจ้าพระยาพลเทพ (บุนนาก) ด้วย เจ้าพระยาพลเทพยกกองทัพเรือออกมาขึ้นเดินกองทัพที่เมืองชุมพรไปเมืองถลาง เจ้า พระยาพลเทพให้หลวงนายฤทธิ์ (เถี้ยนจ๋ง) เชิญท้องตราออกมาเมืองสงขลา ในท้องตราโปรดเกล้า ฯ ให้เจ้าพระยาสงขลา (บุญหุ้ย) ยกกองทัพไปถ่วงเมืองไทรบุรีไว้ แล้วให้เกณฑ์ไพร่เมืองสงขลา เมืองจะนะ ให้หลวงนายฤทธิ์ยกไปช่วยตีเมืองถลาง เจ้าพระยาสงขลา (บุญหุ้ย) เกณฑ์ไพร่เมืองสงขลาได้เจ็ดร้อยคน ให้หลวงพลเปนนายทัพ เกณฑ์ไพร่เมืองจะนะได้สองร้อยคน ให้จีนขวัญซ้ายมหาดเล็กบุตรพระจะนะ (เค่ง) เปนนายทัพ รวมไพร่เมืองสงขลา เมืองจะนะเก้าร้อยคน มอบให้หลวงนายฤทธิ์ยกไปทางเมืองพัทลุงไปสมทบทัพเจ้าพระยาพลเทพที่เมืองตรัง แล้วเจ้าพระยาสงขลา (บุญหุ้ย) เกณฑ์ไพร่สองร้อยคน ให้หลวงจ่ามหาดไทยยกไปตั้งถ่วงเมืองไทรบุรีไว้ กองทัพเจ้าพระยาพลเทพกับพระยาวิเศษโกษา หลวงนายฤทธิ์ ยกไปถึงเมืองถลาง ได้ยกเข้าตีพวกพม่าข้าศึกแตกหนีกลับไป เจ้าพระยาพลเทพจัดราชการเมืองถลางอยู่ปี ๑ เสร็จราชการแล้วยกกองทัพมาเมืองสงขลาทางเมืองตรัง ครั้งนั้นด่าตูปักหลันเจ้าเมืองยิริงคิดขบถ เจ้าพระยาพลเทพจัดให้กองทัพเมืองพัทลุง เมืองสงขลา สมทบกับกองทัพหลวง ให้หลวงนายฤทธิ์เปนแม่ทัพยกออกไปตีเมืองยิริง หลวงนายฤทธิ์ยกกองทัพออกไปตีทัพด่าตูปักหลันเมืองยิริงถึง ตลุมบอน จับตัวด่าตูได้ จึ่งได้แยกเมืองตานีออกเปน ๗ เมืองตามพระบรมราชานุญาต เหตุด้วยเมืองตานีเมืองเดียวมีกำลังมาก เมืองสงขลามีกำลังน้อย แล้วตั้งให้นายพ่ายทหารเอกเมืองสงขลาเปนผู้ว่าราชการเมืองยิริง จัดราชการแยกเมืองตานีอยู่ ๖ เดือน เสร็จราชการแล้ว ยกกองทัพพาตัวด่าตูกลับเข้ามาเมืองสงขลา เจ้า พระยาพลเทพ พระยาวิเศษโกษา หลวงนายฤทธิ์ ก็ยกกองทัพกลับเข้าไปกรุงเทพ ฯ เมืองสงขลาเปนปรกติไม่มีทัพศึกอยู่ ๒ ปี ในระหว่างเมืองสงขลาเปนปรกติอยู่ ๒ ปีนั้น เจ้าพระยาอินทคิรี ได้สร้างพระอุโบสถวัดยางทองขึ้นอาราม ๑ โรง พระอุโบสถวัดมัชฌิมาวาศอาราม ๑ รวม ๒ อาราม แลเจ้าพระยาสงขลา (บุญหุ้ย) ตั้งบ้านเรือนอยู่ที่ฟากแหลมสน.”
สภาพปัจจุบัน วัดยางทองมีอุโบสถ ๑ หลัง ศาลาการเปรียญ ๑ หลัง ศาลาบำเพ็ญกุศล ๑ หลัง หอระฆัง ๑ หลัง และกุฏิ ๕ หลัง ซึ่งเสนาสนะเหล่านี้ เก่าที่สุดคือกุฏิที่ผู้เขียนอยู่สร้างเมื่อพ.ศ. ๒๕๐๐ นอกนั้นเกือบทั้งหมดสร้างมาไม่เกิน ๒๐ ปี แต่เมื่อขุดดินลงไปภายในวัด ก็จะเจอก้อนอิฐในสมัยต่างๆ ทับถมอยู่หนาแน่นและทั่วไป เคยมีผู้ให้ความเห็นว่า ถ้าจะศึกษายุคสมัยวัดยางทอง อาจศึกษาจากก้อนอิฐแต่ละรุ่นที่ฝังอยู่ในดิน…
บ่อยาง เป็นบ่อน้ำโบราณ ซึ่งเชื่อกันว่าเป็นบ่อยางเก่าที่เหลืออยู่เพียงบ่อเดียวภายในวัด และยังคงใช้กันอยู่จนกระทั้งปัจจุบัน… ขณะนี้ทางวัดได้รับการอุปถัมภ์จากสโมสรโรตารีสงขลาสร้าง บ่อยาง ขึ้นมาใหม่เพื่อเป็นสัญลักษณ์คู่กับวัดและเมืองสงขลาสืบต่อไป…www.watyangtong.com
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น